วันพุธที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2555

ร้านอาหารที่อร่อยที่สุดในโลก

50. Buttered popcorn, United States
49. Masala dosa, India
48. Potato chips, United States
47. Seafood paella, Spain
46. Som tam, Thailand
45. Chicken rice, Singapore
44. Poutine, Canada
43. Tacos, Mexico
41. Stinky tofu, Southeast Asia
40. Marzipan, Germany
39. Ketchup, United States
38. French toast, Hong Kong
37. Chicken parm, Australia
36. Texas barbecue pork, United States
35. Chili crab, Singapore
34. Maple syrup, Canada
33. Fish ‘n’ chips, Britain
32. Ankimo, Japan
31. Parma ham, Italy
30. Goi cuon (summer roll), Vietnam
29. Ohmi-gyu beef steak, Japan
28. Pho, Vietnam
27. Montreal-style smoked meat, Canada
26. Fajitas, Mexico
25. Butter garlic crab, India
24. Champ, Ireland
23. Lasagna, Italy
22. Brownie and vanilla ice cream, global
21. Croissant, France
20. Arepas, Venezuela
19. Nam tok moo, Thailand
18. Kebab, Iran
17. Lobster, global
16. Egg tart, Hong Kong
15. Kalua pig, United States
14. Donuts, United States
13. Corn on the cob, global
12. Shepherd’s pie, Britain
11. Rendang, Indonesia
10. Chicken muamba, Gabon
09. Ice cream, United States
08. Tom yum goong, Thailand
07. Penang assam laksa, Malaysia
06. Hamburger, Germany
05. Peking duck, China
04. Sushi, Japan
03. Chocolate, Mexico
02. Neapolitan pizza, Italy
01. Massaman curry, Thailand

สถานที่ท่องเที่ยวที่โรแมนติกที่สุดในโลก


10 อันดับสถานที่ ที่ถูกจัดว่า มีความโรแมนติกมากที่สุดในโลก ซึ่งน่าจะหาโอกาสพาคนรัก ไปเยี่ยมชม สักครั้งหนึ่งในชีวิต


ท่องเที่ยว สถานที่ท่องเที่ยว ที่ท่องเที่ยวโรแมนติก
อันดับที่ 10. Colmar ประเทศฝรั่งเศส เมือง Colmar ถูกจัดให้เป็นเมืองที่มีความโรแมนติก เมืองหนึ่ง ของประเทศฝรั่งเศส และเป็นสถานที่ที่คู่รัก มักจะให้คำสัญญาในความรักระหว่างกันและกัน สิ่งที่น่าประทับใจในเมือง Colmar ก็คือ ไร่องุ่นจำนวนมาก เคียงคู่ไปกับอุตสาหกรรมการผลิตไวน์ชั้นเยี่ยม และบรรยากาศ ที่สวยงาม สถาปัตยกรรมของอาคารบ้านเรือนเก่าแก่ ช่วยทำให้เมือง Colmar เป็นอีกหนึ่งในสถานที่โรแมนติกในฝัน
ท่องเที่ยว สถานที่ท่องเที่ยว ที่ท่องเที่ยวโรแมนติก
อันดับที่ 9. Paris ประเทศฝรั่งเศส เมืองปารีส มีสมญานามว่า สวรรค์แห่งความโรแมนติก” (Heaven of Romantic) ดังที่ สถานที่แห่งนี้ เหมาะเป็นอย่างยิ่งที่คุณและคนรัก จะสารภาพรักนิรันดร์ระหว่างกันและกัน สิ่งที่น่าประทับใจในเมืองปารีส อย่างเช่น พิพิธภัณฑ์ Le Louvre (พิพิธภัณฑ์ ที่มีผู้เข้าเยี่ยมชมมากที่สุดในโลก) หอไอเฟล ,โรงแรม Disney Land Resort ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในยุโรป พิพิธภัณฑ์ศิลปะ Centre Pompidou และสถานที่สวยงามอื่น ๆ อีกมากมาย การไปเที่ยวกับคนรักที่ปารีส หากจัดสรรเวลาให้ดีก็จะคุ้มค่ามาก และสถานที่แห่งนี้จะเก็บความโรแมนติกอยู่ในใจของคุณไปอีกนานแสนนาน
ท่องเที่ยว สถานที่ท่องเที่ยว ที่ท่องเที่ยวโรแมนติก
อันดับที่ 8. Venice ประเทศอิตาลี หากคุณกำลังมองหาสถานที่ ที่จะเอ่ยกับคนรักว่า เขาหรือเธอ เป็นคนที่มีค่ามากที่สุดในชีวิต Venice ก็คือ คำตอบสุดท้ายสำหรับคุณ! เมือง Venice มีชื่อเสียงโด่งดังในด้าน สุดยอดสถาปัตยกรรม และยังมีหลายสถานที่โรแมนติก เช่น สะพานเก่าแก่ Ponte dei Sospiri, จตุรัส Piazza San Marco ที่ได้รับสมณานามว่าห้องจิตรกรรมของยุโรป” (The - drawing room of Europe) และคลองในตัวเมือง “Canale Grande” ทั้งหมดนี้จะสร้าง ความโรแมนติก ระดับหรูหรา ให้กับคนรักและตัวคุณ
ท่องเที่ยว สถานที่ท่องเที่ยว ที่ท่องเที่ยวโรแมนติก
อันดับที่ 7. Schloss Neuschwanstein ประเทศเยอรมันนี สถานที่ที่ผสมผสาน ความสวยงามตามธรรมชาติ เข้ากับจินตนาการ และความสร้างสรรค์ของมนุษย์ ได้อย่างลงตัว เมือง SchlossNeuschwanstein มีความสวยงาม ราวกับเป็นสวรรค์บนพื้นโลก รายล้อมไปด้วยทิวทัศน์อันสวยงาม ปราสาทเก่าแก่อายุ 100 กว่าปี (สร้างปี 1899) ซึ่งเยอรมัน ได้ถูกกล่าวขานว่า เป็นอีกประเทศหนึ่ง ที่มีปราสาทสวยงามที่สุดในยุโรป
ท่องเที่ยว สถานที่ท่องเที่ยว ที่ท่องเที่ยวโรแมนติก
อันดับที่ 6. Vienna ประเทศออสเตรีย เมือง Vienna ในประเทศออสเตรีย เป็นอีกสถานที่ที่มีคู่รักจากทั่วทุกมุมของโลก แวะเวียนมาเยี่ยมชมความสวยงาม สิ่งที่ขึ้นชื่อของเมืองนี้คือ สุดยอดสถาปัตยกรรม และสุดยอดผลงานเพลง, ศิลปะ และพิพิธภัณฑ์ศิลปะ ที่มีชื่อเสียงเป็นอันดับต้น ๆ ของโลก พระราชวัง Schoenbrunn, พระราชวัง Belvedere, พระราชวัง The Hofburg Imperial และพิพิธภัณฑ์นักจิตวิทยาผู้โด่งดัง Sigmund Freud
ท่องเที่ยว สถานที่ท่องเที่ยว ที่ท่องเที่ยวโรแมนติก
อันดับที่ 5. Monte Carlo ประเทศโมนาโค เมือง Monte Carlo ยังเป็นอีกหนึ่งสถานที่โรแมนติก ที่คุณจะได้สื่อความรัก ไปยังคนรักของคุณ เมืองนี้ตั้งอยู่ที่ตีนของเทือกเขาแอลป์ และเป็น สถานที่ที่มีเรื่องราวของความรัก ก่อกำเนิดขึ้นมากมาย สิ่งที่น่าสนใจของเมือง Monte Carlo คือบ่อนคาสิโนเลื่องชื่อ (Monte Carlo Casino) พิพิธภัณธ์ทางทะเล, พิพิธภัณฑ์ประจำชาติ และพระราชวัง Prince
ท่องเที่ยว สถานที่ท่องเที่ยว ที่ท่องเที่ยวโรแมนติก
อันดับที่ 4. Prague สาธารณรัฐเช็ก อีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจ สำหรับสถานที่โรแมนติก ก็คือ เมือง Prague ของสาธารณรัฐเช็ก สถานที่แห่งนี้ขึ้นชื่อเรื่องอาหารอร่อย วัฒนธรรม และปราสาทเก่าแก่ ผู้คนที่มีมิตรไมตรี และสุภาพอ่อนโยน เมือง Prague เป็นสถานที่เกิดของนักดนตรีระดับโลก อย่าง Mozart และมีชื่อเสียง ในเรื่องของทางเดินอันสวยงามในเมือง ที่คู่รักสามารถใช้เวลาเดินเล่นด้วยกัน
ท่องเที่ยว สถานที่ท่องเที่ยว ที่ท่องเที่ยวโรแมนติก
อันดับที่ 3. New York ประเทศสหรัฐอเมริกา เมือง New York เหมาะสำหรับคู่รัก ที่กำลังมองหาสถานที่ที่จะใช้ช่วงเวลาแห่งความรัก และความโรแมนติกในหลากหลายรูปแบบ ร้านอาหาร และร้านค้าจำนวนมาก และสถานที่น่าสนใจอื่น ๆ เช่น สถานีรถไฟ Grand Central Terminal, อนุสาวรีย์เทพีสันติภาพ และสวนหย่อมขนาดใหญ่ Central Park (มีกิจกรรมคอนเสิร์ต, มีลานสเก็ตน้ำแข็ง)
ท่องเที่ยว สถานที่ท่องเที่ยว ที่ท่องเที่ยวโรแมนติก
อันดับที่ 2. Cairo ประเทศอียิปต์ เมือง Cario ก็ได้รับการกล่าวขานว่า เป็นสวรรค์บนโลกเช่นเดียวกัน (โดยเฉพาะสำหรับคู่รัก) ความงดงามและมนต์เสน่ห์ที่อยู่ในตัวเมือง คือแรงดึงดูด ให้คู่รักเดินทางมาใช้เวลาท่องเที่ยวที่นี่ด้วยกัน และปิรามิด ก็คือสิ่งที่พิเศษที่สุด ท่ามกลางความสวยงามในตัวเมือง
ท่องเที่ยว สถานที่ท่องเที่ยว ที่ท่องเที่ยวโรแมนติก
อันดับที่ 1. Mauritius Island มหาสมุทรอินเดีย สถานที่แห่งนี้ ได้รับการกล่าวขานว่าปลายทางสุดท้าย ที่โรแมนติกมากที่สุด” (Ultimate Romantic Destination) เกาะ Mauritius มีชื่อเสียง อย่างมาก ในหมู่คู่รักที่จะมาท่องเที่ยว หรือคู่รักที่จะมาฮันนีมูน ต้นปาล์มมากมายที่เคลื่อนที่พริ้วไหว ไปตามสายลม บรรยากาศที่สวยงามตามธรรมชาติ แนวหินปะการัง และท้องทะเลสีฟ้า เป็นส่วนหนึ่งในอีกหลาย ๆ สิ่ง ที่ทำให้สถานที่แห่งนี้สวยงามจนยากที่จะลืมเลือน 

วิวที่สวยที่สุดในโลก


10 อันดับเมืองและประเทศที่วิวสวยที่สุดในโลก
อันดับที่ 10 เมืองโตรอนโต ประเทศแคนาดา
..........
อันดับที่ 9 เมืองกรุงเทพฯ ประเทศไทย
.........
อันดับที่ 8 ประเทศสิงคโปร์
........
อันดับที่ 7 เมืองแฟรงก์เฟิร์ต ประเทศเยอรมนี
.......
อันดับที่ 6 เมืองซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย
......
อันดับที่ 5 เมืองกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย
.....
อันดับที่ 4 เมืองโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น
....
อันดับที่ 3 เมืองชิคาโก ประเทศสหรัฐอเมริกา
...
อันดับที่ 2 ประเทศฮ่องกง
..
อันดับที่ 1 เมืองนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา

ภูเขาที่สูงที่สุดในโลก


10 ยอดเขาอันนาปุนะ Annapurna
ยอดเขาอันนาปุนะ Annapurna อยู่ในประเทศเนปาล แนวเทือกเขาหิมาลัย มีความสูง 8,078 เมตร (26,502 ฟุต) จากระดับน้ำทะเล
 
 
 
9 ยอดเขานันกา พาบัท Nanga Parbat
ยอด เขานันกา พาบัท Nanga Parbat อยู่ในเขตแคว้นจัมมูและแคชเมียร์ ทางตอนเหนือของประเทศอินเดีย แนวเทือกเขาหิมาลัย มีความสูง 8,126 เมตร (26,660 ฟุต) จากระดับน้ำทะเล
 
 
 
8 ยอดเขามานาสลู Manaslu
ยอดเขามานาสลู Manaslu อยู่ในเขตประเทศเนปาล แนวเทือกเขาหิมาลัย มีความสูง 8,156 เมตร (26,758 ฟุต) จากระดับน้ำทะเล
 
 
 
7 ยอดเขาดาอูลากิรี Daulagiri
ยอดเขาดาอูลากิรี Daulagiri อยู่ในเขตประเทศเนปาล แนวเทือกเขาหิมาลัย มีความสูง 8,167 เมตร (26,795 ฟุต) จากระดับน้ำทะเล
 
 
 
6 ยอดเขาโช โอยู Cho Oyu
ยอด เขาโช โอยู Cho Oyu อยู่ในเขตพรมแดนรอยต่อระหว่างจีน-เนปาล แนวเทือกเขาหิมาลัย มีความสูง 8,201 เมตร (26,906 ฟุต) จากระดับน้ำทะเล
 
 
 
5 ยอดเขามาคาลู Makalu
ยอดเขามาคาลู Makalu อยู่ในเขตพรมแดนประเทศจีน-เนปาล แนวเทือกเขาหิมาลัย มีความสูง 8,481 เมตร (27,824 ฟุต) จากระดับน้ำทะเล
 
 
 
4 ยอดเขาลอห์ตเซ่ Lhotse
ยอดเขาลอห์ตเซ่ Lhotse อยู่ในเขตพรมแดนจีน-เนปาล แนวเทือกเขาหิมาลัย มีความสูง 8,516 เมตร (27,939 ฟุต) จากระดับน้ำทะเล
 
 
 
3 ยอดเขาคานเชนจุงก้า Kanchenjunga
ยอด เขาคานเชนจุงก้า Kanchenjunga อยู่ในเขตพรมแดนอินเดีย-เนปาล แนวเทือกเขาหิมาลัย มีความสูง 8,598 เมตร (28,208 ฟุต) จากระดับน้ำทะเล
 
 
 
2 ยอดเขา K2 หรือยอดเขากอดวิน อัสเตน Godwin Austen
ยอด เขา K2 หรือยอดเขากอดวิน อัสเตน Godwin Austen อยู่ในเขตพรมแดนของแคว้นจัมมูและแคชเมียร์ กับ ประเทศจีน แนวเทือกเขาหิมาลัย มีความสูง 8,611 เมตร (28,251 ฟุต) จากระดับน้ำทะเล
 
 
 
1 ยอดเขาเอเวอร์เรสต์ Everest
ยอด เขาเอเวอร์เรสต์ Everest ยอดเขาที่สูงที่สุดในโลกคงเป็นที่รู้จักกันดีอยู่แล้ว อยู่ในเขตพรมแดนประเทศเนปาล-จีนแนวเทือกเขาหิมาลัย มีความสูง 8,848 เมตร (29,035 ฟุต) จากระดับน้ำทะเลแต่ปัจจุบัน เนื่องจากภาวะโลกร้อน ยอดเขาเอเวอร์เรสต์ จะเตี้ยลงปีละ เกือบ1 ซม.
 

ทะเลที่มีชาดทรายสวยที่สุด


9 อันดับทะเลที่มีชายหาดสวยที่สุดในโลก

“ทะเล” สถานที่ท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในหน้าร้อน “ทะเลสวย” มักอยู่ไกล ไปไม่ง่าย แต่ก็ไม่ยากเกินใจและความพยายามของมนุษย์ ยิ่งยาก ยิ่งท้าทาย ยิ่งสวย ยิ่งอยากเห็น ชายหาดสวย ในที่นี้หมายถึงสวยด้วยทัศนียภาพและอุดมสมบูรณ์ด้วยทรัพยากรธรรมชาติ ปราศจากสิ่งปรุงแต่งใดๆ คงรักษาไว้ซึ่งระบบนิเวศน์ .. แอบดีใจลึกๆ และก็แอบหวั่นใจลึกๆ ยิ่งมนุษย์ดั้นด้นเสาะแสวงหา ยิ่งทำให้กลัวว่าสมดุลทางธรรมชาติอาจเสียไป

Seychelles

seychelles
“หมู่เกาะเซเชลส์” หรือ “สาธารณรัฐเซเชลส์” สววรค์แห่งมหาสมุทรอินเดีย ประกอบด้วยเกาะถึง 115 เกาะ ห่างจากชายฝั่งแอฟริกาทางตะวันออก อยู่ทางตอนเหนือของมาดากัสการ์ เหมาะเป็นที่เอนกายชาร์ตแบตสำหรับนักท่องเที่ยวที่หลงใหลการนอนเล่นชายหาดอาบแสงอาทิตย์

Cape Town, South Africa

capetown
“เคปทาวน์” เมืองเล็กๆ อยู่ทางตอนใต้ของแอฟริกาใต้ เป็นเมืองที่สวยที่สุดและมีเสน่ห์ที่สุดเมืองหนึ่งในโลก จุดเด่นของเมืองอยู่ที่ภูเขาลูกใหญ่กลางเมืองที่สามารถมองเห็นได้จากทุกสาร ทิศ รูปทรงแปลกตาคือ มีลักษณะเสมือนโต๊ะที่ตั้งอยู่บนแผ่นดิน จึงทำให้ภูเขาลูกนี้ได้รับการตั้งชื่อว่า ภูเขาโต๊ะ หรือ Table Mountain

Coronado Beach, California

coronado-beach
นักโต้คลื่นมือสมัครเล่นต้องจัดมา Coronado Beach ชายหาดแถบแคลิฟอร์เนียซักครั้ง เพราะคลื่นถาโถมสม่ำเสมอ ถ้าได้งัดข้อกันทุกวันจนเอาอยู่ อาจเปลี่ยนท่านเป็นนักโต้คลื่นชั้นเซียนในเร็ววัน

Cumberland Island, Georgia

cumberland-island
เอกลักษณ์ของเกาะ Cumberland รัฐจอร์เจีย คือเหล่าเปลือกหอยน้อยใหญ่ที่คอยสร้างสีสันให้ชายหาด เริ่มแรกเกาะนี้แทบจะไม่มีคนรู้จัก จนกระทั่งมือดีสืบได้ว่า John F. Kennedy Jr. และ Carolyn Bessette แอบมาจัดงานแต่งกันลับๆ ที่นี่ ในปี 1996

Fraser Island, Australia

fraser-island
ภาพน้ำทะเลใสซัดชายฝั่ง “Fraser Island” ออสเตรเลีย สะกดสายตาคนถวิลหาธรรมชาติได้ดีที่สุด เป็นเกาะที่มีหาดทรายกว้างใหญ่ที่สุดในโลก อยู่ไม่ห่างจากชายฝั่งรัฐควีนส์แลนด์นัก

Mykonos Island, Greece

greece-mykonos
นักท่องเที่ยวจากทั่วโลกมักจะหลงมนต์เสน่ห์ในรูปลักษณ์แห่งสถาปัตยกรรม หาดทรายที่สวยงามตามธรรมชาติไร้ซึ่งการแต่งเติมจากฝีมือมนุษย์ และสีสันแห่งชีวิตชีวายามคำคืนของ “Mykonos Island” เกาะที่ได้รับความนิยมมากที่สุดของประเทศกรีซ

อ่าวมาหยา ประเทศไทย

mayabay
หลังจาก “หมู่เกาะพีพี” ถูกคลื่นยักษ์สึนามิเข้าถาโถม “อ่าวมาหยา” ที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นหาดทรายขาวที่น่าสัมผัสที่สุดแห่งหนึ่ง ก็ได้รับการฟื้นฟูทางธรรมชาติให้กลับมาอุดมสมบูรณ์และสวยงามอีกครั้ง (อ่านต่อ)

Harbour Island, Bahamas

harbour-island
น้ำทะเลสะอาดใสบวกกับกระแสน้ำอุ่นจากอ่าว เกิดเป็นสมดุลทางธรรมชาติ ทำให้ Harbour Island กลายเป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์น้ำนานาพันธุ์ นักท่องเที่ยวที่รักการผจญภัยจะไม่พลาดการมาเยือน Bahamas

Ocracoke Island, North Carolina

ocracoke-island
หย่อมหญ้าเป็นจุดๆ ชี้ให้เห็นถึงความอุดมสมบูรณ์ใต้ผืนทรายของชายหาด Ocracoke Island ซึ่งเป็นที่ตั้งถิ่นฐานในยุคแรกๆ ของชาวยุโรป Ocracoke เป็นส่วนหนึ่งของ Outer Banks เกาะที่ต้องใช้ความพยายามในการดั้นด้นไปให้ถึง จึงเป็นที่ดึงดูดของนักแสวงหาธรรมชาติ

สัตว์ประจำชาติไทย


สัตว์ประจำชาติไทยของเรา ก็คือ ช้าง (Elephant)

          ตระกูลช้าง เป็นไปตามอนุกรมวิธาน ดังนี้
Kingdom : Animalia
Phylum : Chordata
Class : Mammalia
Order : Proboscidea
          ลักษณะเด่นของสัตว์ใน Proboscidea คือ มีร่างกายใหญ่โต จมูกและริมฝีปากบนยาว ที่เรียกว่า "งวง" ใช้สำหรับหายใจ จับสิ่งของ และจับอาหารเข้าปาก ฟันหน้าเจริญไปเป็น "งา" ฟันกรามมีขนาดใหญ่ ไม่เกิน 1 คู่ (แต่ช้างโบราณบางชนิด เช่น Dinitherium มีงาที่กรรไกรล่างคู่หนึ่ง และช้างโบราณพวก Tetrabelodon มีงาที่กรรไกรบนคู่หนึ่ง และที่กรรไกรล่างอีกคู่หนึ่ง) ไม่มีฟันเขี้ยว ขาใหญ่ตรงลักษณะคล้ายต้นเสา ขาหน้ามีกระดูก radius และ ulnar บริบูรณ์ ขาหลังก็มีกระดูก tibia และ fibula บริบูรณ์ เท้ามีนิ้วข้างละ 5 นิ้ว แต่เล็บนิ้วก้อยบางตัวนั้นชักจะค่อยๆ หายไป มีกระเพาะอาหารแบบธรรมดา ไม่ได้เป็นกระเพาะอาหาร Compound แบบสัตว์เคี้ยวเอื้อง อย่างวัวหรือควาย ตัวผู้ลูกอัณฑะอยู่ในท้อง ไม่อยู่ในถุงห้อยออกมาอย่างสัตว์บกเลี้ยงลูกด้วยนมชนิดอื่นๆ เช่น เสือ วัว ควาย กวาง และสุนัข เป็นต้น ส่วนตัวเมียมดลูกแยกเป็น Bicornuate และมีเต้านม 1 คู่ อยู่ที่หน้าอกระหว่างขาหน้าทั้ง 2 ข้าง
          ช้างโบราณมีอยู่หลายชนิดด้วยกัน จัดในพวกต่างๆ คือ Elephas 7 ชนิด Mastodon 8 ชนิด Dinotherium 2 ชนิด แต่ปัจจุบันคงเหลืออยู่เพียง Family Elephantidae เพียง Family เดียว มี 2 Genus คือ Genus Elephas ได้แก่ ช้างเอเซีย (Species Elephas maximus) และ Genus Loxodonta ได้แก่ ช้างแอฟริกา (Species Loxodonta africana)

ที่มาของวันช้างไทย
          เกิดจากการริเริ่มของคณะอนุกรรมการประสานงานการอนุรักษ์ช้างไทย ซึ่งเป็นหน่วยงานประสานงาน องค์การภาครัฐและเอกชนที่ทำงานเกี่ยวกับการอนุรักษ์ช้างไทยคณะกรรมการเอกลักษณ์ของชาติ สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี เนื่องจากเล็งเห็นว่าหากมีการสถาปนาวันช้างไทยขึ้น ก็จะช่วยให้ประชาชนคนไทย หันมาสนใจช้าง รักช้าง หวงแหนช้าง ตลอดจนให้ความสำคัญต่อการให้ความช่วยเหลืออนุรักษ์ช้างมากขึ้น คณะอนุกรรมการฯ จึงได้พิจารณาหาวันที่เหมาะสม ซึ่งครั้งแรกได้พิจารณาเอาวันที่สมเด็จพระนเรศวรมหาราชทำยุทธหัตถี มีชัยชนะเหนือพระมหาอุปราชา แต่วันดังกล่าวถูกใช้เป็นวันกองทัพไทยไปแล้ว จึงได้พิจารณาวันอื่น และเห็นว่าวันที่ 13 มีนาคม ซึ่งเป็นวันที่คณะกรรมการคัดเลือกสัตว์ประจำชาติ มีมติให้ช้างเผือกเป็นสัญลักษณ์ของประเทศไทยนั้นมีความเหมาะสม จึงได้นำเสนอมติตามลำดับขั้นเข้าสู่คณะรัฐมนตรี โดยได้รับการสนับสนุนจากกระทรวงเกษตรและสหกรณ์อีกทางหนึ่ง ซึ่งคณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อ วันที่ 26 พฤษภาคม 2541 เห็นชอบให้ วันที่ 13 มีนาคม เป็นวันช้างไทย และได้ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรีลงในราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม 2541 ผลจากการที่ประเทศไทยมีวันช้างไทยเกิดขึ้น นับเป็นการยกย่องให้เกียรติว่าเป็นสัตว์ที่มีความสำคัญอีกครั้ง นอกเหนือจากเกียรติที่ช้างเคยได้รับในอดีต ไม่ว่าจะเป็นช้างเผือกในธงชาติ หรือช้างเผือกที่เป็นสัญลักษณ์ของประเทศ หรือสัตว์คู่พระบารมีของพระมหากษัตริย์...


สัญสักษณ์ประจำชาติไทย

สัญลักษณ์ประจำชาติไทย



สัญลักษณ์ประจำชาติไทย (Nation Identity) ..3 สิ่ง

นายยงยุทธ ติยะไพรัช โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี .แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี ในวันที่ 2 ตุลาคม 2544 ว่า คณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบ การกำหนดสัญลักษณ์ประจำชาติไทย (Nation Identity) ..3 สิ่ง ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายปองพล อดิเรกสาร) ประธานคณะกรรมการเอกลักษณ์ของชาติเสนอ ซึ่งจะเป็นการ ช่วยประชาสัมพันธ์ส่งเสริมภาพลักษณ์ของประเทศไทย ดังนี้
     1. สัตว์ประจำชาติไทย คือ "ช้างไทย" Chang Thai (Elephant หรือ Elephas Maximas)
     2. ดอกไม้ประจำชาติ คือ "ดอกราชพฤกษ์" (คูน) Ratchapruek (Cassiafistula Linn.X
     3. สถาปัตยกรรมประจำชาติ คือ "ศาลาไทย" Sala Thai (Pavilion)
ทั้งนี้ .เนื่องจากกระทรวงการต่างประเทศ ได้เสนอข้อคิดเห็นเกี่ยวกับ การกำหนดสัญลักษณ์ประจำชาติ ไทย (Nation Identity) และการส่งเสริมสัญลักษณ์ประจำชาติไทย เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการประชาสัมพันธ์ส่งเสริม ภาพลักษณ์ประเทศไทยให้มีผลระยะยาว .....ซึ่งคณะกรรมการเอกลักษณ์ของชาติได้ศึกษาและรวบรวมข้อมูลแล้ว จึงกำหนดให้มีสัญลักษณ์ประจำชาติไทย 3 สิ่งดังกล่าว ตามที่กระทรวงต่างประเทศเสนอ
สำหรับ ภาพลักษณ์สัตว์ประจำชาติ "ช้างไทย" .....ทางกรมศิลปากรได้ออกแบบ..... และคณะกรรมการ เอกลักษณ์ของชาติ ได้พิจารณาเห็นชอบเป็นที่เรียบร้อยแล้ว. และเพื่อเป็นการประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนตื่นตัว และจะได้เห็นความหลากหลาย ..ทางคณะกรรมการเอกลักษณ์ของชาติจะจัดให้มีการประกวดภาพ 3 สิ่งสร้างภาพ ลักษณ์ "ดอกราชพฤกษ์" ดอกไม้ประจำชาติและสถาปัตยกรรมประจะชาติ ......จึงได้แต่งตั้งคณะกรรมการจัดการ ประกวดภาพเพื่อให้ประชาชนได้ทีส่วนร่วมในการคัดเลือกรูปแบบสัญลักษณ์ประจำ ชาติต่อไป
ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี วันที่ 1 ก.พ. 2548 รับทราบเรื่องการกำหนดสัญลักษณ์ประจำชาติไทย ตามที่สำนักงานคณะกรรมการเอกลักษณ์ของชาติ สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเสนอมา โดยกำหนดให้สัตว์ประจำชาติ คือ ช้างไทย ดอกไม้ประจำชาติ คือ ดอกราชพฤกษ์ หรือดอกคูน สถาปัตยกรรมประจำชาติ คือ ศาลาไทย ซึ่งคณะกรรมการเอกลักษณ์ของชาติพิจารณาการออกแบบภาพสัญลักษณ์ประจำชาติไทย ทั้ง 3 สิ่ง มาตั้งแต่ปลายปี 2544 โดยมอบหมายให้กรมศิลปากรเป็นผู้ออกแบบภาพช้างไทย ส่วนภาพดอกราชพฤกษ์และภาพศาลาไทยได้จากการประกวดการออบแบบ แต่มีการทบทวนและปรับปรุงแก้ไขภาพหลายครั้ง และคณะกรรมการฯ มีมติเห็นชอบภาพเอกลักษณ์ประจำชาติไทยทั้ง 3 สิ่ง ในการประชุมคณะกรรมการเอกลักษณ์ของชาติ เมื่อวันที่ 27 ธันวาคมที่ผ่านมา 

ดอกไม้ประจำอาเซียน


10 ดอกไม้ประจำชาติ อาเซียน
10 ดอกไม้ประจำชาติอาเซียน มีอะไรบ้าง...มาดูกัน
1. บรูไนดารุสซาลาม (Brunei Darussalam) : ดอกซิมปอร์
ดอกไม้ประจำชาติบรูไน ก็คือ ดอกซิมปอร์ (Simpor) หรือที่รู้จักกันในชื่อ ดอกส้านชะวา (Dillenia) ดอกไม้ประจำท้องถิ่นบรูไน ที่มีกลีบขนาดใหญ่สีเหลือง หากบานเต็มที่แล้วกลีบดอกจะมีลักษณะคล้ายร่ม พบเห็นได้ตามแม่น้ำทั่วไปของบรูไน มีสรรพคุณช่วยรักษาบาดแผล หากใครแวะไปเยือนบรูไน จะพบเห็นได้จากธนบัตรใบละ 1 ดอลลาร์ ของประเทศบรูไน และในงานศิลปะพื้นเมืองอีกด้วย
10 ดอกไม้ประจำชาติอาเซียน มีอะไรบ้าง...มาดูกัน
2. ราชอาณาจักรกัมพูชา (Kingdom of Cambodia) : ดอกลำดวน
กัมพูชามีดอกไม้ประจำชาติเป็น ดอกลำดวน (Rumdul) ดอกไม้สีขาวปนเหลืองนวล กลีบดอกหนาทึบและแข็งเล็กน้อย มีกลิ่นหอมเย็นแบบกรุ่น ๆ ถูกจัดเป็นไม้มงคลชนิดหนึ่งเพราะมีความหมายถึงความสดชื่นหอมกรุ่น และเป็นตันไม้สำหรับสุภาพสตรี วิธีปลูกที่ถูกต้อง ต้องปลูกไว้ในทิศตะวันตกเฉียงเหนือของตัวบ้าน ที่สำคัญต้องปลูกในวันพุธ ด้วยนะ
10 ดอกไม้ประจำชาติอาเซียน มีอะไรบ้าง...มาดูกัน
3. สาธารณรัฐอินโดนีเซีย (Republic of Indonesia) : ดอกกล้วยไม้ราตรี
ดอกไม้ประจำชาติอินโดนีเซีย คือ ดอกกล้วยไม้ราตรี (Moon Orchid) ซึ่งเป็นหนึ่งในดอกกล้วยไม้ที่บานอยู่ได้นานที่สุด โดยช่อดอกนั้นสามารถแตกกิ่งและอยู่ได้นาน 2-6 เดือน โดยดอกจะบานแค่ปีละ 2-3 ครั้งเท่านั้น ทั้งนี้ดอกกล้วยไม้ราตรีสามารถเจริญเติบโตได้ดีในอากาศชื้น จึงพบเห็นได้ง่ายในพื้นที่ราบต่ำของประเทศอินโดนีเซีย
10 ดอกไม้ประจำชาติอาเซียน มีอะไรบ้าง...มาดูกัน
4. สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (The Lao People's Democratic Republic of Lao PDR) : ดอกจำปาลาว
ดอกไม้ประจำชาติประเทศเพื่อนบ้านของ ไทยอย่างประเทศลาว คือ ดอกจำปาลาว (Dok Champa) คนไทยรู้จักกันดีในชื่อ ดอกลีลาวดี หรือ ดอกลั่นทม โดยดอกจำปาลาวมักมีสีสันหลากหลาย ไม่เฉพาะเจาะจงว่าต้องเป็นเพียงสีขาวเท่านั้น เช่น สีชมพู สีเหลือง สีแดง หรือสีโทนอ่อนต่าง ๆ โดยดอกจำปาลาวนั้นเป็นตัวแทนของความสุขและความจริงใจ จึงนิยมใช้กันอย่างแพร่หลายเพื่อประดับประดาในงานพิธีต่าง ๆ รวมทั้งใช้เป็นพวงมาลัยเพื่อรับแขกอีกด้วย
10 ดอกไม้ประจำชาติอาเซียน มีอะไรบ้าง...มาดูกัน
5. ประเทศมาเลเซีย (Malaysia) : ดอกพู่ระหง
สำหรับประเทศมาเลเซียนั้น มีดอกไม้ประจำชาติเป็น ดอกพู่ระหง (Bunga Raya) ในภาษาท้องถิ่นเรียกกันว่า บุหงารายอ หรือที่รู้จักกันทั่วไปในชื่อ ดอกชบาสีแดง ลักษณะกลีบดอกเป็นสีแดง มีเกสรยื่นยาวออกมาเหนือดอก ซึ่งถูกจัดให้เป็นสัญลักษณ์ของประเทศมาเลเซีย เพื่อเสริมสร้างความเป็นปึกแผ่นและความอดทนในชาติ โดยเชื่อว่าจะช่วยส่งเสริมให้สูงส่งและสง่างาม รวมทั้งยังสามารถนำไปใช้ในทางการแพทย์และความงามได้อีกด้วย
10 ดอกไม้ประจำชาติอาเซียน มีอะไรบ้าง...มาดูกัน
6. สาธารณรัฐฟิลิปปินส์ (Republic of the Philippines) : ดอกพุดแก้ว
ดอกไม้ประจำชาติฟิลิปปินส์ คือ ดอกพุดแก้ว (Sampaguita Jasmine) ดอกมีสีขาวกลีบดอกเป็นรูปดาว มีกลิ่นหอม บานส่งกลิ่นในตอนกลางคืน ถือเป็นสัญลักษณ์ของความบริสุทธิ์ เรียบง่าย อ่อนน้อมถ่อมตน รวมถึงความเข้มแข็งอีกด้วย เคยถูกนำมาใช้เฉลิมฉลองในตำนานเรื่องเล่ารวมทั้งบทเพลงของฟิลิปปินส์ด้วย เช่นกัน
10 ดอกไม้ประจำชาติอาเซียน มีอะไรบ้าง...มาดูกัน
7. สาธารณรัฐสิงคโปร์ (The Republic of Singapore) : ดอกกล้วยไม้แวนด้า
ประเทศสิงคโปร์ มี ดอกกล้วยไม้แวนด้า (Vanda Miss Joaquim) เป็นดอกไม้ประจำชาติ โดยดอกกล้วยไม้แวนด้าตั้งชื่อตามผู้ผสมพันธุ์ คือ Miss Agnes Joaquim จัดเป็นดอกกล้วยไม้ที่เป็นที่รู้จักมากที่สุดในประเทศสิงคโปร์ มีสีม่วงสดสวยงามและเบ่งบานอยู่ตลอดทั้งปี โดยถูกจัดให้เป็นดอกไม้ประจำชาติสิงคโปร์ตั้งแต่ปี ค.ศ.1981 (พ.ศ.2524)
10 ดอกไม้ประจำชาติอาเซียน มีอะไรบ้าง...มาดูกัน
8. ราชอาณาจักรไทย (Kingdom of Thailand) : ดอกราชพฤกษ์
ดอกไม้ประจำชาติไทยของเรา ก็คือ ดอกราชพฤกษ์ (Ratchaphruek) ที่มีสีเหลืองสวยสง่างาม เมื่อเบ่งบานแล้วให้ความรู้สึกอบอุ่น ถือเป็นสัญลักษณ์ของความมีเกียรติยศศักดิ์ศรี ซึ่งชาวไทยหลายคนรู้จักกันดีในนามของ ดอกคูน โดยมีความเชื่อว่าสีเหลืองอร่ามของดอกราชพฤกษ์คือสีแห่งพระพุทธศาสนาและความ รุ่งโรจน์ รวมทั้งยังเป็นสัญลักษณ์แห่งความสามัคคีปรองดองของคนในชาติอีกด้วย โดยดอกราชพฤกษ์จะเบ่งบานในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ – พฤษภาคม มีจุดเด่นเวลาเบ่งบานคือการผลัดใบออกจนหมดต้น เหลือไว้เพียงแค่สีเหลืองอร่ามของดอกราชพฤกษ์เท่านั้น
10 ดอกไม้ประจำชาติอาเซียน มีอะไรบ้าง...มาดูกัน
9. สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม (The Socialist Republic of Vietnam) : ดอกบัว
ประเทศเวียดนาม มีดอกไม้ที่คนไทยคุ้นเคยอย่าง ดอกบัว (Lotus) เป็นดอกไม้ประจำชาติ โดยดอกบัวเป็นที่รู้จักกันในนาม “ดอกไม้แห่งรุ่งอรุณ” เป็ญสัญลักษณ์ของความบริสุทธิ์ ความผูกพัน และการมองโลกในแง่ดี ดอกบัวจึงมักถูกกล่าวถึงในบทกลอนและเพลงพื้นเมืองของชาวเวียดนามอยู่บ่อย ครั้ง
10 ดอกไม้ประจำชาติอาเซียน มีอะไรบ้าง...มาดูกัน
10. สหภาพพม่า (Union of Myanmar) : ดอกประดู่
ดอกไม้ประจำชาติของประเทศพม่า คือ ดอกประดู่ (Paduak) เป็นดอกไม้ที่พบมากในประเทศพม่า มีสีเหลืองทอง ผลิดอกและส่งกลิ่นหอมในฤดูฝนแรก ช่วงเดือนเมษายนซึ่งเป็นช่วงเวลาเดียวกับที่ประเทศพม่ามีการเฉลิมฉลองปีใหม่ ขึ้น ชาวพม่าเชื่อว่าดอกประดู่คือสัญลักษณ์ของความแข็งแรง ความทนทาน และเป็นดอกไม้ที่ขาดไม่ได้ในพิธีทางศาสนาของชาวพม่าเลยล่ะ
.